Internet Of Things คืออะไร?
Internet Of Things สามารถแยก ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน สุขภาพ และที่อยู่อาศัย การเดินทาง..และในปัจจุบันที่นับวันยิ่งมีความสำคัญกับการใช้ชีวิตของคนยุค ใหม่ที่เกี่ยวกับ Internet of Thing(IoT) นั่นก็คือ Smart Home
Smart Home
สำหรับอุปกรณ์หรือเทคโนโลยี ในปัจจุบันที่จะเปลี่ยนให้บ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้นั้น มีอยู่มากมายหลายรูปแบบ ตามการออกแบบ และความต้องการของผู้ใช้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่า จะต้องใช้อุปกรณ์ไหนทำอะไร ถึงจะเรียกได้ว่านี่คือบ้านอัจฉริยะ บทความนี้จึงข้อหยิบยกเอาอุปกรณ์ส่วนหนึ่ง ที่มีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของ Smart Home ส่วนหนึ่งมาให้ได้ชมกัน จะมีอุปกรณ์ตัวใดบ้าง และจะมีประโยชน์ หรือทำให้การใช้ชีวิตของเรามีประโยชน์และง่ายขึ้นได้อย่างไร ลองมาดูกัน
1.) กลอนประตูอัจฉริยะไม่ต้องใช้กุญแจ
เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ รักษาความปลอดภัยในบ้านกับ August กลอนประตูอัจฉริยะที่น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดของบ้านเลยก็ว่าได้ ในการตรวจสอบความปลอดภัย อนุญาตให้ใคร หรือไม่ให้ใครเข้ามายุ่งย่ามในบ้านของเรา ด้วยความสามารถของ August ที่ออกแบบใช้งานง่าย เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านระบบบลูทูช เมื่อเจ้าของบ้านเข้ามาอยู่ในบริเวณของสัญญาณ ประตูจะทำการปลดล็อคให้โดยอัตโนมัติ โดยที่เจ้าของบ้านไม่จำเป็นต้องกด หรือสัมผัสใดๆ ที่ตัวเครื่อง
นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้คนในบ้านสามารถใช้งานได้ ตามช่วงเวลา หรือกำหนดแบบชั่วคราว อนุญาตเป็นครั้งคราวได้ เช่นมีช่างเข้ามาซ่อมบ้าน หรือให้เพื่อเข้ามาหยิบของ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะฝากกุญแจไว้ได้ไหม จะทำหายหรือแอบเอากุญแจของเราไปก็อปปี้หรือเปล่า แถมยังสามารถรายงานการเข้าออกประตูของแขกที่มาใช้ได้ เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ตัวเครื่องทำงานแบบสแตนอโลน ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต ใช้ไฟจากแบตเตอรี่แบบ AA 4 ก้อน สามารถใช้งานได้ประมาณ 6 เดือน เมื่อไฟใกล้หมดจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นที่ใช้ควบคุมประตู ให้เราเปลี่ยนแบตเตอรี่ ไม่ต้องเดินสายไฟใดๆ ให้ยุ่งยาก แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินไฟหมดกะทันหัน หรือตัวกลอนอัจฉริยะใช้งานไม่ได้ ก็ยังสามารถที่จะใช้กุญแจที่แถมมาให้ไขประตูแทนได้ ในยามฉุกเฉิน ออกแบบมารอบคอบมากจริงๆ สำหรับผู้ที่สนใจ กลอนประตูอัจฉริยะ August สามารถซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ผู้ผลิตโดยตรง ราคาขายที่ $199 หรือประมาณ 6,000 บาทไทย หรืออาจจะลองดูรุ่นอื่นๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกันเช่น Kevo และ Lockitron เป็นต้น
2.) IP Camera สอดส่องดูการเคลื่อนไหวในบ้านแบบ 24 ชม.
ยังอยู่ที่เรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยอีกหนึ่งรุ่นกับกล้อง IP Camera ที่มีหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกกันมากมายในท้องตลาดบ้านเรา มีให้เลือกตั้งแต่ระดับราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับ การออกแบบวัสดุ ความสามารถที่ได้ กล้องดีๆหน่อยก็ย่อมแพงเป็นธรรมดา จุดเด่นของ IP Camera ที่แตกต่างจากกล้องวงจรปิดทั่วไปคือสามารถ ผู้ใช้สามารถเรียกเข้ามาดูจากจากกล้องแบบสดๆ ได้ ทุกที่ทุกเวลาผ่าน IP Address ของกล้อง และพาสเวิร์ดสำหรับเข้าชมภาพที่ตัวกล้อง โดยตัวกล้องจะต้องเชื่อมต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นทางสาย LAN หรือ แบบไร้สายผ่านสัญญาณ Wireless เท่านี้ก็สามารถที่จะสอดส่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ากล้องได้แบบสดๆ ยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ที่ผนวกตัวกล้อง IP Camera เข้ากับเทคโนโลยีของคลาวด์ สามารถเข้าถึงตัวกล้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โดยถ้าเป็นกล้องรุ่นใหม่ๆ จะสามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย จะชมภาพสด ตั้งค่า ตรวจจับการทำงานหรือสั่งคำสั่งพิเศษ เช่น ตั้งค่าให้ตัวกล้องแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหวในกล้อง สามารถกำหนดโซนที่ใช้ในการตรวจจับได้(ไม่ต้องตรวจจับทั้งภาพ) กำหนดทิศทางให้ตรวจจับเช่นให้จับภาพบุคคลที่แอบเข้ามาโดยใช้ทางออก เพียงอย่างเดียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตจะพัฒนาโปรแกรม ออกมาในรูปแบบไหน และให้แจ้งผู้ใช้ไปที่ใด ส่ง SMS จับภาพ ส่งอีเมล์หรือให้โทรบอกเจ้าของก็สามารถทำได้
3.) ควบคุมอุณหภูมิในบ้านแบบอัจฉริยะ
มาดูอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายในบ้าน กันดูบ้างกับ Nest thermostats สวิทช์ควบคุมปิด-เปิดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ จากอุณหภูมิห้อง พัฒนาโดย Tony Fadell อดีตพนักงานของ Apple ทำหน้าที่คล้ายๆ กับรีโมทแบบมีสายของแอร์นั่นแหละ แต่ดูไฮโซกว่าด้วยหน้าจอ LCD 1.75”( 320×320พิกเซล 24 บิต) บอกอุณหภูมิห้อง สามารถปรับแต่อุณหภูมิที่ต้องการได้ด้วยการหมุนที่ตัว Nest thermostats จะทำการปรับอุณหภูมิของห้องได้ตามที่เราตั้งไว้ โดยตัว Nest thermostats สามารถควบคุมได้ทั้งเครื่องปรับอากาศ และ ฮีทเตอร์ (สำหรับประเทศเมืองหนาว) ได้ในตัวเดียวกัน
Nest thermostats นอกจากจะสามารถควบคุมอุณหภูมิของตัวห้องด้วยการหมุนที่วงแหวนด้านนอกแล้ว ยังสามารถควบคุมแบบไร้สาย ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่รองรับทั้ง IOS และ Android รวมถึงควบคุมผ่านเว็บบราวเซอร์ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กในบ้าน เพียงเชื่อมต่อตัว สมาร์ทโฟน Nest thermostats เข้ากับเครือข่ายไร้สายในบ้านเสียก่อน สามรถตั้งค่าอุณหภูมิของห้องตามที่เราต้องการได้ตลอดเวลา
ความอัจฉริยะอย่างหนึ่งของ Nest thermostats คือการเรียนรู้การใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตัว Nest thermostats จะทำการเก็บข้อมูล ทุกการสั่งงานของเราเก็บไว้ในระบบ เพื่อการวิเคราะห์ระดับอุณหภูมิ ที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในแต่ละช่วงเวลาได้แบบอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้งซ้ำกันบ่อยๆ ตัวเครื่องจะเรียนรู้ได้เอง ใครที่สนใจสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ผู้ผลิต www.nest.com สนนราคาอยู่ที่ $249 หรือประมาณ 8,500 บาท
4.) หลอดไฟเปลี่ยนสีได้เองตามใจชอบ
เรื่องเทคโนโลยีของหลอดไฟต้องยกให้ Philips ที่ได้เปิดตัวหลอดไฟอัจฉริยะ Philips hue สามารถปรับแต่งสีเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง ได้ตามอารมณ์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยากให้ห้องเราเป็นสีไหน อารมณ์ประมาณไหน ก็สามารถปรับแต่งสี ที่เราต้องการได้ตามใจชอบเลย
สำหรับการทำงานตัวหลอดไฟ Philips hue จะเชื่อมต่อันเองแบบไร้สาย ในชุดของมัน เราแค่นำชุดควบคุมต่อสาย LAN ในบ้านทิ้งไว้ในระยะรัศมีของสัญญาณสามารถเชื่อมต่อกับหลอดไฟได้ จากนั้นผู้ใช้สามารถควบคุมสีของหลอดไฟที่มีอยู่ทั้งหมดในบ้านได้ จากแท็ปเล็ตและสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นของ Philips ที่ออกแบบเฉพาะ สามารถเลือกโทนสีที่ต้องการ รวมถึงดึงสีจากภาพถ่ายที่เราอยากได้มาปรับแต่งใช้กับสีของหลอดไฟในห้องได้ ด้วย เพื่อให้ได้บรรยากาศตามที่เราต้องการได้ตามที่เราต้องการแบบสุดๆ
เราสามารถแยกสีของหลอดไฟได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดกับตัวอุปกรณ์ จัดกรุ๊ป หรือแยกตามลักษณะของบ้านได้ตามที่ต้องการ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงหน่อย เพราะชุดหนึ่ง มีหลอดไฟให้ 3 ดวงพร้อมชุดควบคุม สนนราคาอยู่ที่ชุดละ $199 หรือประมาณ 6,000 บาท และหากต้องการซื้อหลอดไฟเพิ่มจะขายอยู่ที่ดวงละ $59 หรือประมาณ 2,000 บาทต่อหลอดเลยทีเดียว
5.) สวิทช์ไร้สายควบคุมได้ทั้งบ้าน
มีหลอดไฟอัจฉริยะแล้ว มาลองดูสวิทช์ไฟอัจฉริยะดูบ้าง กับ Avi-on อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า แบบไร้สาย ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านของดีไซน์ และความสามารถ ในการควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้อย่างน่าสนใจ โดยตัวอุปกรณ์จะแบ่งออกเป็น 2 ชุดประกอบด้วยตัว Avi-on Movable Switch ทำงานเป็นสวิชท์ควบคุมแบบไร้สาย เอาไปติดตั้งที่ไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ ในระยะรัศมี 100ฟุต กับตัว GE Plug-In Smart Dimmer ทำหน้าที่ในการตัดไฟ รวมถึงปรับแรงดันไฟ ตามที่สั่งไว้ที่ตัว Avi-on Movable Switch
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมการทำงานผ่านสามาร์ทโฟนได้ด้วย รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android ซึ่งสามารถควบคุมได้แบบละเอียดยิบ ทั้งตัวอุปกรณ์ ช่วงเวลาแยกตามวัน และระดับแรงดันไฟ เหมาะสำหรับการใช้งานอุปกรณ์ประเภทหลอดไฟหรือพัดลม ที่สามารถปรับระดับแรงดันไฟที่ต้องการได้โดยเฉพาะเลย ผู้ที่สนใจตัวนี้ยังไม่มีขาย ยังยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่เปิดให้พรีออร์เดอร์กันได้แล้ว สนนราคาอยู่ที่ $59 หรือราวๆ 2,000 บาทต่อเซ็ท
6.) ปลั๊กไฟอัจฉริยะ
หลอดไฟก็แล้ว สวิทช์ไฟก็แล้ว จัดปลั๊กไฟกันบ้างน่าจะดี สำหรับ UFO Power Center ปลั๊กไฟอัจฉริยะที่มีความสามารถที่น่าสนใจอย่างเช่นเคย ด้วยความสามารถของตัวปลั๊ก ที่ไว้สำหรับต่อไฟ ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนกับปลั๊กรางที่เราใช้กันอยู่ตามปกติทั่วไฟ แต่ปลั๊กตัวนี้สามารถที่จะเชื่อมต่อ WiFi เข้ากับแท็ปเล็ต หรือสมาร์ทโฟนได้ด้วย
โดยผู้ใช้สามารถตรวจวัดการใช้พลังงานในแต่ละช่องเสียบของปลั๊กไฟ ได้จากแอพพลิเคชั่น Energy UFO บอกจำนวนไฟที่ใช้งาน ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์สรุปเป็นกราฟ พร้อมทั้งสามารถสั่งเปิด-ปิด ได้จากตัวแอพทำงานแบบ cloud-based energy management ตั้งเวลาเป็น Schedule ได้ทั้งหมดตามที่ผู้ใช้ต้องการ ถ้าสนใจตัวนี้มีขายใน Amazon.com สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้เลย สนนราคาขายอยู่ที่ $129.95 หรือประมาณ 4,300 บาท
7.) ชงกาแฟด้วยมือถือ อร่อยเปะได้ทุกวัน
อุปกรณ์ตัวนี้มีชื่อว่า Scanomat TopBrewer ออกแบบโดยผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟชื่อดังจากประเทศเดนมาร์ก สำหรับผู้ที่รักในการกินกาแฟโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้ ตัวเครื่องมีความโดดเด่นในการออกแบบ เน้นความเรียบหรู มีเพียงก๊อกสีเงินเล็กๆ ยื่นออกมาเพียงชิ้นเดียว ไม่มีอุปกรณ์อื่นโผล่มาให้เกะกะ เพราะทุกอย่างถูกออกแบบมาให้ซ่อนอยู่ใต้บาร์ทั้งหมด ไม่มีจอหรือปุ่มใดๆ ให้กด เพราะการจะสั่งเครื่องนี้ได้ต้องสั่งผ่านแอพเท่านั้น เรื่องมากดีแท้
ใครที่อยากกินกาแฟเครื่องนี้ต้องติดตั้งแอพที่ชื่อ TopBrewer มีทั้งใน IOS และ Android จากนั้นเชื่อมต่อ กับเจ้าตัวเครื่องผ่านทาง Bluetooth หรือ WiFi ในบ้านก็ได้ สั่งเจ้าเครื่องนี้จัดกาแฟมาให้ โดยเลือกรูปแบบกาแฟที่เราต้องการ จะเอสเปรสโซ, คาปูชิโน, มอคค่า,ลาเต้ ตามต้องการจากนั้นปรับแต่งสูตรอีกนิดหน่อย เพิ่มนม เพิ่มกาแฟ ปรับขนาดได้ตามใจชอบ เสร็จแล้วรอไม่เกิน 45 วินาทีก็จะได้กาแฟหอมๆ พร้อมทานได้ add favorite เก็บไว้เป็นสูตรลับเฉพาะของเราได้ด้วย ใครที่สนใจเครื่องนี้ได้ข่าวว่า เมคทูออเดอร์ สั่งได้มีพาร์ทเนอร์ในไทยขายอยู่ สนนราคาประมาณ $6,500 หรือราวๆ 215,000 บาท
8.) เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ
เอาใจคนรักสัตว์กันบ้าง ใครที่เลี่ยงหมาเลี้ยงแมว หรือสัตว์ประเภทอื่นๆ อยู่คงต้องเจอปัญหากันบ้างแน่ๆ เวลาที่ไม่อยู่บ้านไปเทียวต่างจังหวัดหรือต้องไปธุระ ไม่มีใครให้อาหารสัตว์แทนให้ จะเอาไปด้วยบางทีก็ลำบาก ไม่ค่อยจะมีโรงแรมที่ไหนที่ให้สัตว์เข้าพักมากนัก แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย PintoFeed เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ ส่งงานผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ตได้ง่ายๆ ด้วยการทำงานผ่านคลาวด์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถสั่งเจ้าเครื่องนี้ให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่บ้าน แทนเราได้
โดยผู้ใช้สามารถตั้งเวลา และขนาดของอาหารที่จะให้ในแต่ละวันได้ มีการแจ้งเตือนจากตัวแอพถึงเวลาให้อาหาร(กรณีที่ไม่ได้ตั้งเวลาไว้) แจ้งเตือนเมื่อสัตว์ที่เลี้ยงไว้มากินอาหาร และยังสามารถดูกราฟการบริโภคของสัตว์เลี้ยงย้อนหลังได้ สัตว์มีการบริโภคอาหารเพียงพอตามหลักโภชนาการหรือไม่ สนนราคาเครื่องนี้อยู่ที่ $199 หรือประมาณ 6,500 บาท
9.) หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ Sharp Cocorobo ฝีมือการออกแบบของชาร์ป บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดี กับความสามารถในการทำงานบ้านแทนเราได้ ชนิดที่ทั้งง่าย และสะดวกรวดเร็วไม่เปลืองแรง แค่เปิดเครื่องทิ้งไว้ เจ้าหุ่นยนต์อัจฉริยะนี้ จะทำการกำจัดฝุ่นในห้องของเราทั้งหมดทั้งห้อง ไม่มีขาดตกบกพร่อง (เว้นแต่บางซอกบางซอยที่เล็กเกินจนหุ่นยนต์นี้ไม่อาจเข้าไปได้) รับประกันความสะอาดเอี่ยมอ่องไม่มีเศษฝุ่นหลงเหลืออยู่ในบ้านอย่างแน่นอน
และที่พิเศษกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นค่ายอื่นๆ ตรงที่ผู้ใช้สามารถควบคุมและสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น Cocorobo Navi จากนอกบ้านได้ เพียงแค่เปิดแอพ จะจำลองลักษณะของห้องพร้อมสิ่งกีดขวาง มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ตรงส่วนไหน ตั้งโคมไฟไว้อย่างไรบ้าง เพื่อที่จะให้เราสามารถตั้งค่ารูปแบบการทำงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่ สุด ใครที่สนใจตัว Cocorobo ราคาขายอยู่ที่ 75,000 เยน หรือประมาณ 21,000 บาท
10.) ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านแอพ Line
ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเราจะสามารถคุยกับเครื่องซักผ้าได้??? มันเป็นไปแล้วเมื่อทาง LG เปิดตัวนวัตกรรมสุดอินดี้ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงาน หรือคุยกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านได้ ผ่านแอพพลิเคชั่นแชทชื่อดังอย่าง LINE ให้ชื่อเก๋ๆ ว่า LG HomeChat เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสาร หรือแชท กับยเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน ด้วยภาษาธรรมชาติ หรือ NLP เช่น เราส่งข้อความ “I’m going on vacation” ไปยังตู้เย็น บอกว่าเราจะไปเที่ยว ตู้เย็นก็จะประมวลผลและตอบกลับมาว่า “Should I convert to vacation mode?” ให้เค้าเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานหรือไม่? เราก็แค่ตอบตกลงกลับไป คล้ายกับการสั่งงานของ Siri บน IOS สะดวกและง่ายไม่ต้องจำคำสั่งใดๆ ก็สามารถสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราต้องการได้ เพียงแค่แชทออกไป (ส่วนตัวเครื่องจะเข้าใจหรือไม่อันนี้อีกเรื่อง) ตามข่าวบอกกว่าตอนนี้ยังรองรับได้แค่เฉพาะภาษาเกาหลี กับภาษาอังกฤษเท่านั้น กำลังพัฒนาภาษาอื่นๆ อยู่ หวังว่าเราคงจะได้ใช้งานได้ในเร็วๆนี้
ที่มาแหล่งข้อมูล
- http://www.cnet.com/topics/smart-home/best-smart-home-devices/
- http://www.samsung.com/uk/smartthings/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น